Social Link
มงคล ข้อที่ ๓ การบูชาผู้ที่ควรบูชา

การบูชา ผู้ที่ควรบูชา

        สวัสดีครับ วันนี้ก็มาถึงมงคลข้อสุดท้ายในพระคาถาที่ ๑ นั่นคือ การบูชาผู้ที่ควรบูชา เรามาเร่ิ่มกันที่ความหมายของการบูชากันก่อนเลยนะครับ 

คำว่า "บูชา" ในมงคลทีปนีนั้น ท่านอธิบายไว้ว่า การทำสักการะ เคารพ นบนอบและไหว้ ชื่อว่าบูชา และการบูชานั้น มี ๒ อย่างคือ ๑. อามิสบูชา คือการบูฃาด้วยสักการะมีดอกไม้เป็นต้น ๒. ปฏิบัติบูชา คือ การบูชาด้วยการปฏิบัติ

และเมื่อกล่าวถึงการบูชาทั้งสองประการดังกล่าวแล้ว ท่านกล่าวไว้ว่า การบูชานั้น จะนำประโยชน์สุขมาให้ตลอดกาลนานแก่บุคคลที่ทำการบูชาได้ ผู้ที่รับการบูชานั้น จะต้องเป็น  ปูชไนยบุคคล มีพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอริยสาวก เพราะท่านเหล่านั้น ย่อมทำภาวะแห่งการบูชาที่บุคคลทำในตนแม้เล็กน้อย แต่นำประโยชน์มุขมาให้ตลอดกาลนาน ดังเช่น นายสุมนมาลาการ ที่ยอมเสี่ยงชีวิตของตนเอง ด้วยการนำดอกไม้ จำนวน ๘ กำ ที่ตนเองจะต้องนำไปจัดถวายพระเจ้าพิมพิสารทุกๆวันในตอนเช้า เพื่อแลกกับเงิน ๘ กหาปณะ แต่เมื่อเห็นพระบรมศาสดาซึ่งแวดล้อมด้วยหมู่ภิกษุ เสด็จเข้าไปสู่พระนครเพื่อบิณฑบาต ก็มีจิตเสื่อมใส คิดว่า "พระราชาไม่ได้ดอกไม้เหล่านี้ จะทรงฆ่าหรือจะทรงเนรเทศเราเสียจากแคว้น (ก็ตามเถิด), เพราะพระองค์แม้เมื่อจะพระราชทานแก่เรา ก็พึงพระราชทานทรัพย์พอเลี้ยงชีวิตแต่ในปัจจุบันเท่านั้น  ส่วนการบูชาพระศาสดา มีผลนับไม่ได้ ย่อมนำมาซึ่งประโยชน์สุขตลอดกาลนาน เราจักบูชาพระศาสดาด้วยดอกไม้เหล่านี้" คิดได้ดังนี้นแล้ว จึงตัดสินใจโปรยดอกไม้ทั้ง ๘ ทะนาน จัดให้เป็น ๘ กำมือ 

ดอกไม้ ๒ กำมือที่เขาโปรยไปทีแรก ได้กลายเป็นเพดานดอกไม้ แผ่อยู่เบื้องบนพระศาสดา

๒ กำที่โปรยไปครั้งที่ ๒ อยู่ด้านพระปรัศเบื้องขวา 

๒ กำที่โปรยไปครั้งที่ ๓ อยู่ด้านพระปฤษฏางค์

๒ กำที่โปรยไปครั้งที่ ๔ อยู่ด้านพระปรัศเบื้องซ้าย

สรุปว่าดอกไม้ ๖ กำได้เป็นเครื่องกำบังดอกไม้ ๓ ด้าน เบื้องพระพักตร์ได้มีเพียงช่องเป็นที่เสด็จไปเท่านั้น ขั้วดอกไม้อยู่ข้างใน กลีบดอกไม้อยู่ข้างนอก
พระศาสดา เป็นประดุจถูกแวดล้อมด้วยแผ่นเงิน ขณะกำลังเสด็จไป ดอกไม้ทั้งหลายก็ไม่แตก ไม่ร่วง ลอยไป และหยุดอยู่ในที่ประทับยืนกับพระศาสดานั่นเอง.

พอเห็นดั่งนั้น คนทั่วทั้งพระนคร ซึ่งมีประมาณได้ ๙ โกฏิ ( ๑ โกฏิ = ๑๐ ล้าน)  ก็พากันแตกตื่นเพราะเห็นความอัศจรรย์นั้น ทุกคนต่างก็พากันถือภิกษา (อาหาร) ออกมาแล้ว
ทำการโห่ร้อง และแห่แหนไปพร้อมกับพระศาสดาพร้อมด้วยหมู่แห่งภิกษุ
ส่วนนายมาลาการ เมื่อทำการบูชา เชยชม ถวายบังคมพระศาสดาอย่างนั้นแล้ว ก็ถือแต่กระเช้าเปล่ากลับเรือน และถูกภรรยาถามว่า "ดอกไม้อยู่ไหน ?" 
เมื่อตอบว่า "ฉันเอาดอกไม้เหล่านั้นบูชาพระศาสดาเสียแล้ว 

ทีนี้ ก็เป็นเรื่องล่ะครับ เพราะนายสุมนมาลาการนั้น โดนภรรยาต่อว่าต่อขานถึงขนาดชิ่งหนีไปฟ้องพระเจ้าพิมพิสารเพื่อหนีเอาตัวรอดคนเดียวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่นายสุมนทำ หม่อมฉันไม่รับรู้ด้วย ถ้าจะลงโทษ ก็ลงโทษเขาคนเดียวเลย เพราะตอนนี้ หม่อมฉันได้หย่าขาดกับเขาเสียแล้ว"   ว่าไปนู่นเลย 

ส่วนพระเจ้าพิมพิสาร พระองค์ทรงเป็นพุทธมามกะ และเป็นพระอริยสาวกชั้นพระโสดาบัน เมื่อทรงสดับเรื่องนั้นแล้ว ก็ทรงดำริว่า "แหม!!! หญิงนี้ช่างอันธพาล ไม่ยังความเลื่อมใสให้เกิดขึ้นในคุณเห็นปานนี้เลย"   แต่ก็ทรงทำทีกริ้วแล้วตรัสถามว่า "เขาทำการบูชาด้วยดอกไม้สำหรับบำรุง เราหรือ ?

"ถูกแล้ว พระเจ้าข้า"

เอาล่ะ! การที่เจ้าหย่าเขาเสียได้ นับว่ ดีแล้ว  ที่เหลือเราจะจัดการเอง  ว่าแล้ว พระองค์ก็เสด็จไปเฝ้าพระบรมศาสดาและตามเสด็จไปด้วย
พระศาสดา นั้น ทรงทราบความเสื่อมใสแห่งจิตของพระราชาแล้ว เพื่อจะทรงทำคุณของนายมาลาการให้ปรากฏ จึงเสด็จเที่ยวไปโในพระนคร แล้วจึงเสด็จไปยังพระลานหลวง ประทานบาตรแก่พระราชา แต่ไม่เสด็จเข้าไปสู่พระราชมนเทียร ประทับนั่ง เสวยพระกระยาหาร ณ พระลานหลวงนั้น 

แม้ดอกไม้ทั้งหลาย เมื่อพระศาสดาเสด็จดำเนินไป ก็ลอยไป  เมื่อประทับยืน ก็หยุดอยู่ เมื่อเสด็จเข้าไปสู่พระคันธกุฎีแล้ว ก็ตกอยู่ในซุ้มพระทวาร (ประตู) 
ฝ่ายพระราชา หลังเสร็จจากตามเสด็จพระศาสดาแล้วก็กลับมา  รับสั่งให้เรียกนายมาลาการมาเข้าเฝ้าแล้ว จึงได้พระราชทานสิ่งของ ๗ อย่างๆ อย่างละแปดอัน คือ ช้าง ม้า ทาส ทาสี นารีผู้ประดับด้วยอลังการล้วน บ้านส่วย กหาปณะพันหนึ่ง และเครื่องประดับชื่อมหาประสาธน์แก่เขา ทั้งนี้ ก็เพราะพระองค์ทรงเลื่อมใสในนายสุมนมาลาการนั่นเอง
ผลจากการที่นายสุมนะ ได้ถวายดอกไม้เพื่อบูชาพระศาสดาในครั้งนี้  นอกจากจะมีอานิสงส์ในภพภูมิปัจจุบันดังกล่าวมาแล้ว  ในสัมปรายภพ (ภพหน้า) นายสุมนมาลาการนี้ก็จักไม่ตกไปสู่ทุคติตลอดแสนกัปป์  ท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษย์โลก แล้วในอนาคตจักได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้านามว่า "สุมนะ" เลยทีเดียว

และทั้งหมดนี้ คือ อานิสงส์จากการบูชาผู้ที่ควรบูชา ซึ่งจักสร้างประโยชน์สุขให้แก่ผู้ที่ทำการบูชามากมายเป็นอนันต์ ควรแล้วที่เราท่านทั้งหลาย ที่จักน้อมบูชาคุณของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอริยาสาวกเจ้าทั้งหลาย ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในพระธรรมวินัยที่พระพุทธองค์ตรัสไว้แล้ว ตลอดกาลเป็นนิจเทอญฯ

สำหรับวันนี้ ก็ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอบพระคุณทุกท่านครับ

ส. คำเวียง
 

 

 

 

 


image รูปภาพ
image
image
image
image
image

image วิดีโอ

ไฟล์เอกสารประกอบ
|

image
image
image
 
 
 
 

Website Policy | Privacy Policy | Security Policy | Disclaimer | ข้อกำหนดการใช้ Cookies รองรับการทำงานบน Internet Explorer v.11+, Microsoft Edge, Firefox v.47.0+, Chrome v.51+

จำนวนการเข้าชม : 718,316